…มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย
เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา
งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ
สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข…
คำขวัญของจังหวัด ‘สุโขทัย’ จังหวัดหนึ่งของภาคกลาง ซึ่งเป็นอาณาจักรแรกของชาติไทยมีอายุยาวนานกว่าเจ็ดร้อยปีและมรดกตกทอดของอาณาจักรสุโขทัยยังคงมีให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้
ฉันเคยได้ไปเยือนสุโขทัยมาแล้ว เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ฉันกับครอบครัวนั่งรถไฟจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ไปยังสถานีรถไฟสุโขทัย ด้วยความเป็นเด็ก ฉันสนุกมากและชอบมากๆ มาในวันนี้ ฉันกับครอบครัวได้เดินทางไปสุโขทัยกันอีกครั้งด้วยรถยนต์ ฉันตื่นเต้นมากรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าไปหาความทรงจำเก่าๆ กับสถานประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า ที่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
เราออกเดินทางจากเชียงใหม่ราวๆ เจ็ดโมงเช้า ฉันขับรถด้วยความเร็วปกติไม่เกินเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เส้นทาง เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เถิน ทุ่งเสลี่ยม ถึง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง จากนั้น เราก็หาข้าวทานแถวๆ อุทยานฯ แล้วจึงขับรถต่อไปอีกสิบห้านาที เพื่อเข้าที่พักเก็บสัมภาระและนั่งพัก
เวลาประมาณบ่ายสองโมงเศษ พวกเราออกจากที่พักไปอุทยานฯ ทัวร์ของเราเริ่มต้นที่ด้านหน้าจุดซื้อตั๋วเข้าชม เราซื้อตั๋วค่าเข้าชมในราคาคนไทยยี่สิบบาท หากเป็นคนต่างชาติจะต้องจ่ายหนึ่งร้อยบาท แล้วเราก็ซื้อตั๋วรถรางเพิ่ม ในราคาคนไทยอีกสามสิบบาท คนต่างชาติจะเสียหกสิบาท การนั่งรถราง เราจะลงจุดไหนก็ได้ แล้วก็ขึ้นรถรางคันใหม่ เพื่อไปจุดอื่นๆ ได้อีกไม่จำกัด โดยจะใช้เวลารอรถคันใหม่ประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาที ก่อนที่จะเริ่มทัวร์รอบอุทยานฯ เราได้ไปสักการะ ‘พ่อขุนรามคำแหงมหาราช’ เพื่อเป็นสิริมงคล เพราะเมื่อมาถึงบ้านเมืองขององค์ท่านแล้ว ลูกพ่อขุนจะต้องมาสักการะพ่อขุนฯ เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นที่สุด หลังจากสักการะเรียบร้อย ความอิ่มเอมใจก็บังเกิด
จากนั้น เราก็เดินกลับไปขึ้นรถราง ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลับเป็นเด็กอีกที่ได้นั่งรถ แล้วมีลมตีใส่หน้า มันสนุกจริงๆ จุดแรกที่เราลงชมความงดงามของประวัติศาสตร์คือ ‘วัดศรีสวาย’ เป็นโบราณสถานตั้งอยู่ในเขตกำแพงแก้วมีพระปรางค์สามองค์ประดิษฐานอยู่ ลักษณะคล้ายกับพระปรางค์ที่ลพบุรี พวกเราชื่นชมความของสถาปัตยกรรมและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกใช้เวลาราวยี่สิบกว่านาที พอหนำใจแล้ว เราก็ไปรอรถราง ซึ่งเพียงไม่ถึงห้านาทีรถรางคันใหม่ก็มาถึง เรารีบขึ้นและไปต่อที่ ‘วัดตระพังเงิน’ วัดนี้ยังคงเห็นความเป็นวัดชัดเจนกว่าวัดแรกที่เราไป เนื่องจากมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ด้วยกัน แล้วพวกเราก็ทำเช่นเดิมคือ เดินชมความงามและชักภาพ เสร็จสรรพก็ขึ้นรถรางและลงที่ ‘วัดมหาธาตุ’ วัดใหญ่ใจกลางเมืองและเป็นวัดประจำอาณาจักรสุโขทัย ที่วัดมหาธาตุมีพระพุทธที่งดงามมาก แล้วเราก็ไปต่อที่ ‘วัดสระศรี’ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ มีโบราณสถานที่คงความงดงาม มีพระพุทธองค์ใหญ่เป็นพระประธานและมีสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่จุดขายตั๋วได้บอกกับเราว่า ตอนเย็นจะมีการแสดงแสงสีเสียงที่วัดสระศรีแห่งนี้ เราจะไม่พลาดอย่างแน่นอน พอเที่ยวตามวัดต่างๆ แล้ว พวกเราก็ขอนั่งรถรางชมรอบๆ บริเวณอุทยานฯ ซึ่งรถรางได้พาเราไปหลายๆ ที่และได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของคนในสมัยอาณาจักรสุโขทัย สิ่งที่หลงเหลือให้เห็นเด่นชัดคือ ‘บ่อน้ำ’ ผ่านไปจุดไหนก็เห็นบ่อน้ำ ทำให้ฉันเดาว่า จุดนั้นๆ จะต้องเป็นบ้านเรือนแน่ๆ มีทั้งบ่อใหญ่และบ่อเล็ก บ่อใหญ่อาจจะเป็นบ่อน้ำของบ้านเจ้าขุนมูลนาย บ่อเล็กก็คงจะเป็นบ่อน้ำของชาวบ้าน ฉันตื่นตาตื่นใจเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กมิผิดเพี้ยน พวกเราจบทริป รถรางรอบอุทยานฯ ในเวลาเกือบจะสี่โมงครึ่ง เราก็เดินไปจุดที่จัดให้มีการขายอาหาร ซึ่งอยู่ฟากตรงกันข้ามวัดสระศรี สามารถมองเห็นวัดได้ชัดเจน พอเดินไปถึงจุดนั้นก็เริ่มมีแม่ค้าแม่ขายมาตั้งร้านกันแล้ว เราจึงไม่รอช้าจัดการหาข้าวปลาอาหารพร้อมกับนั่งพักผ่อนไปด้วย ผู้คนเริ่มทยอยมาหาอาหารทานหนาตาขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่า หลังจากอิ่มหนำก็คงจะไปดูการแสดงอย่างแน่นอน นั่นก็คือเป้าหมายเดียวกัน เกือบๆ จะห้าโมงครึ่งพวกเราก็เสร็จสิ้นภารกิจอาหารมื้อเย็น แล้วจึงออกเดิน โดยข้ามสะพานไปยังวัดสระศรี เพื่อไปจองที่นั่ง พวกเราได้ที่นั่งค่อนข้างด้านหน้าเป็นทำเลที่ดีทีเดียว
และแล้ว เวลาหนึ่งทุ่มการแสดงแสงสีเสียงก็ได้เริ่มขึ้น เรื่องราวของการแสดงก็เป็นเรื่องราวที่เราๆ ท่านๆ เคยได้เรียนกันมาแล้วเกี่ยวกับสุโขทัยและพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แต่การที่ได้ดูการแสดงแบบมีคนตัวเป็นๆ มาวิ่ง มาร้อง มารำ มาพูด แถมมีพลุตะไลด้วย มันทำให้ซึมซับและซาบซึ้งเหมือนฉันได้เข้าไปอยู่ในอาณาจักรสุโขทัย พอการแสดงจบ เจ้าหน้าที่ก็เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เข้าไปถ่ายรูปกับนักแสดง มีหรือที่ฉันจะพลาด ฉันไปถ่ายรูปคู่กับนักแสดงที่แสดงเป็นพ่อขุนรามคำแห่งมหาราชและพระชายาช่างอิ่มเอมใจยิ่งนัก
เมื่อทุกอย่างยุติ ไร้แสงไร้สีไร้การแสดง สภาวะรอบๆ ก็กลับเข้าสู่แบบเดิมความเงียบก้าวเข้ามา พวกเราเดินออกจากอุทยานฯ ไปยังรถที่จอดอยู่ด้วยความรู้สึกเหมือนเราพึ่งจะตื่นจากความฝัน พอก้าวขาออกนอกเขตอุทยานฯ ฉันกลับหลังหันไปมองและขอจดจำทุกสิ่งที่ฉันสัมผัสมาทั้งวันพร้อมกับพูดในใจว่า…ลาที มิใช่ลาก่อน…แล้วฉันจะกลับมาเยือนอีกนะ ‘รุ่งอรุณแห่งความสุข’