ฉันเคยขับรถผ่านที่นี่หลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่ได้แวะเข้าไปเยี่ยมชมสักที ครั้งนี้นับเป็นโอกาสเหมาะ เมื่อเพื่อนถามฉันว่ามีที่ไหนในเชียงใหม่ที่ยังไม่ได้ไป ฉันตอบทันควัน แล้วคุณเพื่อนก็สวนกลับว่าไปเที่ยวดูต้นไม้นี่นะ ฉันรีบบอกไปเลย…จะมีอะไรที่ไหนอีกเล่าที่จะสร้างความสุขให้ชีวิตและปอดของเรา ถ้าไม่ใช่ การเที่ยวชมพันธุ์ไม้นานาชนิดในสถานที่กว้างใหญ่และสวยงามอย่าง ‘สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์’ จากนั้น เราก็ตกลงไปกัน เมื่อไปถึงจึงจัดการซื้อตั๋วและได้โบชัวร์กันคนละใบ ฉันไล่อ่านข้อมูลและได้ความรู้ว่า…
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ หรือ Queen Sirikit Botanic Garden เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่ตั้งอยู่ที่กิโลเมตรที่ 12 บนถนนใหญ่สายแม่ริม-สะเมิง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากย่านชุมชนและห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 27 กิโลเมตรเท่านั้น สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526 ในตอนแรกดำเนินการโดยกรมป่าไม้ แต่ต่อมาได้โอนให้ดำเนินงานโดยองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อสพ.) ในปี พ.ศ. 2535 ซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วในปี พ.ศ. 2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) พระราชทานราชานุญาตให้ใช้ชื่อ สวนพฤกษศาสตร์สากลแห่งแรกของประเทศไทยนี้ว่า ‘สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์’
ภายในพื้นที่กว่า 3,500 ไร่ ของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นที่ในการอนุรักษ์และรวบรวมพรรณไม้ โดยจัดไว้เป็นหมวดหมู่ตามวงศ์สกุล ซึ่งจัดปลูกให้สอดคล้องกับธรรมชาติมากที่สุด โดยเฉพาะที่กลุ่มอาคารเรือนกระจกบนยอดเขาเป็นที่ที่มีทั้งความงดงามและความรู้ สวนพฤกษศาสตร์ฯ แห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ศึกษาธรรมชาติ ในด้านพรรณไม้
ที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือกชมหลายเส้นทางและก็มีกลุ่มอาคารเรือนกระจก ซึ่งมีพรรณพืชหลากหลายชนิดทั้งพรรณไม้พื้นเมืองประจำถิ่นและพรรณไม้จากต่างประเทศ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีอยู่ 4 เส้นทาง
1. เส้นทางสวนรุกชาติ (Arboretum Trail) เส้นทางนี้มีระยะทางประมาณ 600 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่รวบรวมพันธุ์
กล้วย บอน เฟิร์น แปลงขิงข่า ปรงและสน
2. เส้นทางพรรณไม้ไทยและพืชสมุนไพร เส้นทางนี้เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ไทยหลากหลายกว่า 1,000 ชนิด เช่น
พืชสมุนไพร พรรณไม้หายากและพรรณไม้ประจำจังหวัด โดยเส้นทางนี้จะใช้เวลาเดินประมาณ 30-45 นาที
3. เส้นทางวลัยชาติ (Climber Trail) วลัยชาติ หรือ ไม้เลื้อยเป็นพรรณไม้ที่ต้องอาศัยสิ่งยึดเกาะในการเลื้อยพันและ
ยึดเกาะ เพื่อพยุงลำต้นในการเจริญเติบโต เพราะไม่สามารถจะพยุงตัวเองไว้ได้ นักพฤกษศาสตร์ได้คาดว่า ในประเทศไทยมีวลัยชาติอยู่ประมาณ 60 วงศ์ 160 สกุล รวมได้ประมาณกว่า 2,000 ชนิด แล้วกว่าครึ่งของพืชชนิดนี้ยังไม่เป็นที่รู้จัก เส้นทางวลัยชาตินี้ มีระยะทางประมาณ 800 เมตร เป็นเส้นทางทอดยาวไปตามสันเขา บางตอนค่อนข้างชันและมีการจัดปลูกพืชไม้เลื้อยไว้ตลอดสองข้างทางมากกว่า 250 ชนิด
4. เส้นทางาน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย (Waterfall Trail) เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินเท้า
เรียบไปตามห้วยแม่สาน้อย มีระยะทางรวม 300 เมตร เมื่อมาที่นี่จะได้พบกับพืชเฉพาะถิ่นและพรรณไม้แปลกตา พอผ่านไปทางสวนหินก็จะเป็นที่ที่รวบรวมพืชแล้งนานาชนิดไว้ปะปนกับหินลักษณะต่างๆ จนทำให้ดูกลมกลืน เส้นทางนี้จะสิ้นสุดที่เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย ซึ่งมีมากกว่า 350 ชนิด
ฉันกับเพื่อนเที่ยวชมตามสถานที่ที่ได้กล่าวถึงข้างต้น แต่เห็นจะมีเพียงแห่งเดียวที่ทำให้เราตื่นเต้นและตื่นตา เมื่อเราไปที่ ‘เส้นทางเดินเหนือเรือนยอดไม้’ หรือ Canopy Walk เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติในแนวสูงที่ยาวที่สุดในประเทศไทยด้วยระยะทางกว่า 400 เมตร ในระดับความสูงเหนือพื้นดินกว่า 20 เมตร ทำให้มองเห็นทิวยอดไม้ในแบบพาโนราม่า ซึ่งเต็มไปด้วยองค์ประกอบแสนงดงามของต้นไม้ ภูเขา แล้วในช่วงปลายฝนต้นหนาวยังมีทะเลหมอกจางๆ ลอยเหนือทิวไม้อีกด้วย ตัวทางเดินเหนือเรือนยอดไม้เป็นการออกแบบอย่างลงตัวโดยใช้เหล็กกล้า ฉาบสีเทาอมเขียวสร้างความกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างไม่ขัดตา โดยระยะทางบางช่วงทำเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นด้านล่าง ตรงนี้ล่ะ ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ เฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ชอบท้าทายความสูงเหมือนเรา ด้านความปลอดภัยก็หายห่วงได้เลย เพราะได้ทำราวกั้นที่มีความแข็งแรงและมั่นคงไว้ป้องกันความปลอดภัยตลอดแนวทางเดิน ซึ่งเส้นทางเดินเหนือเรือนยอดไม้นี้ อยู่ที่บริเวณริมถนนด้านขวามือ ตรงกันข้ามกับสวนเฉลิมพระเกียรติ 77 พรรษา
หลังจากการเดินเหนือเรือนยอดไม้ หรือ Canopy Walk ของเราฉ่ำใจแล้ว เราก็ลงไปอาคารในส่วนที่ขายของที่ระลึก ซึ่งมีสินค้ามากมาย อาทิ กระเป๋าใส่เครื่องเขียน ถุงผ้าลดโลกร้อน กระเป๋าผ้าแคนวาส ปฏิทิน ตัวแม่เหล็กติดตู้เย็นเป็นรูปพรรณไม้ต่างๆ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพรรณไม้และสมุนไพร เช่น เจลอาบน้ำ แชมพูผสมครีมนวด โลชั่นทาผิวและสบู่ล้างมือ
คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่พากันมาเที่ยวชมธรรมชาติจนฉ่ำปอด ทว่า ด้วยสถานที่มันกว้างขวางมากๆ เราก็เลยยังเที่ยวได้ไม่ทั่ว มีอีกหลายที่ที่เราขอผ่านไปก่อน แต่เราได้คุยกันแล้วว่า ครั้งหน้าเราจะกลับมาเที่ยวอีกและเราสองคนก็ได้ทำเครื่องหมายลงบนแผ่นโบชัวร์ไว้เรียบร้อย…ที่ไหนไปแล้ว…ที่ไหนยังไม่ได้ไป รอก่อนนะ เจ้าพรรณไม้ทั้งหลายฉันกับเพื่อนจะมาหาเจ้าอีกในโอกาสต่อไป อาจจะเร็วๆ นี้ก็ได้ใครจะรู้